ภาวะการเป็นผู้นำอย่างสร้างสรรค์ที่เรียนรู้กันได้

ภาวะผู้นำกับการทำงานเป็นทีม
การเป็นผู้นำในสภาพแวดล้อมใหม่นี้จะเป็นการทดสอบความสามารถของผู้บริหารในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเป็นผู้นำ การกระตุ้นและผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมในระยะยาวจำเป็นต้องมีมากกว่าอำนาจในการสั่งการ ภาวะผู้นำแบบเน้นความร่วมมือร่วมใจเป็นสิ่งที่จำเป็น และถือเป็นความท้าทายที่ผู้นำจำเป็นต้องเรียนรู้และประยุกต์ใช้ภาวะผู้นำแบบต่างๆ นอกจากนั้นทักษะการจูงใจจะเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารผลผลิตในยุคคลาวด์ ซึ่งผู้นำจะต้องแบกรับภาระโดยการทำงานแบบหลากหลายหน้างาน และการบริหารแบบข้ามทีมในหลากหลายสถานที่ ซึ่งทีมงานบางคนอาจไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรง

ปัญหาใหญ่ของผู้บริหารในปัจจุบัน คือไม่สามารถทำให้งานสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้เพราะทีมงานขาดประสิทธิภาพ ทำให้เป็นที่สงสัยว่าจะทำอย่างไร จะทำให้งานสำเร็จลุล่วงได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่ขาดการคิดเชิงกลยุทธ์ และขาดทักษะเรื่องบริหารคน ถึงแม้ว่าจะมีความรู้ ความสามารถ ในงานที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ก็ตาม เพราะโดยตำแหน่งแล้วผู้บริหารไม่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองเพียงคนเดียวอีกต่อไป ต้องบริหารงานผ่านทีมงานเป็นหลัก ซึ่งบุคคลซึ่งพร้อมที่จะพัฒนาตนเองและพัฒนาองค์กรอยู่ตลอดเวลา นนอกจากจะบริหารงานได้อย่างดีเยี่ยมแล้วยังสามารถริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เหนือความคาดหมายได้อีกด้วย นอกจากนั้นคุณลักษณะอื่นๆของผู้นำประเภทนี้คือ สามารถรับได้ทุกสถานการณ์ไม่มีความขัดแย้งเพราะมองปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา พูดจานุ่มนวล ถูกต้องตามกาละเทศะ มีบุญญาบารมี มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า อยู่ตลอดเวลา มีสติรู้เนื้อรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา และมีจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรม

การเป็นผู้นำมีความสำคัญมากต่อการเป็นผู้บริหาร คนที่มีตำแหน่งบริหารแต่ยังไม่ถนัดในการเป็นผู้นำก็มีอยู่บ้าง สมัยนี้ความเป็นผู้นำสามารถเรียนกันได้และฝึกฝนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันมีผู้บริหารระดับสูงซึ่งมีวิสัยทัศน์กว้างไกลในหลายองค์กร มองเห็นทะลุปรุโปร่งว่า การที่จะฝึกความเป็นผู้นำให้ผู้บริหารทุกระดับในองค์กรนั้น แก่นแท้ที่เป็นหัวใจสำคัญที่ควรเริ่มต้นก่อน คือการฝึกให้ผู้บริหารสามารถคิดอย่างเป็นระบบและคิดแบบองค์รวมอย่างสร้างสรรค์ได้อย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ เพราะการคิดเป็นที่มาของการกระทำทุกอย่างในทุกขั้นตอนของการบริหาร การทำงาน และการดำเนินชีวิตส่วนตัว

ทักษะที่สำคัญของผู้บริหารยุคใหม่ในองค์กรของการเป็นผู้นำ

1

ระบบการบริหารจัดการ ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ แต่เมื่อนำเข้ามาในกับผู้คนในองค์กร ย่อมต้องมีการปรับแต่งให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กรอย่างเหมาะสม มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาภายในที่เรื้อรังโดยไม่คาดคิด การที่ระบบบริหารทั้งหลายขาดประสิทธิภาพไป อาจกล่าวได้ว่ามาจากตัวผู้ใช้ ซึ่งมีความซับซ้อนทางอารมณ์นั่นเอง ด้วยความซับซ้อนของระบบสังคมในปัจจุบัน ทำให้มนุษย์นั้นมีความแตกต่างหลากหลาย ทั้งในแง่ของประสบการณ์ การศึกษา ทัศนคติ ความเชื่อ ดังนั้นการสื่อสารเพื่อให้เข้าใจกันจึงเป็นไปได้ยากขึ้น ด้วยภาวะความเร่งรีบและการแข่งขัน ก็ทำให้การฟังลดน้อยลง ไม่เกิดความร่วมมือกันในการทำงาน และบางครั้งก็เกิดเป็นความขัดแย้งที่ไม่พึงปรารถนา ความแบ่งแยก ความไม่ไว้วางใจต่อกันนั้น ส่งผลต่อระบบการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกทั้งพนักงานรุ่นใหม่ Gen Y ไม่ชอบถูกบังคับทางความคิดและจิตใจ และไม่อดทนอยู่ในบรรยากาศที่ไม่ชอบ พวกเค้ายังอายุน้อย จึงพร้อมที่จะเปลี่ยนงานได้ทุกเมื่อ จึงอาจกล่าวได้ว่า ปัญหาสำคัญที่องค์กรทั้งหลายต้องเผชิญ คือ “ปัญหาเรื่องคน” นั่นเองถ้าเกิดปัญหาข้อผิดพลาด ที่มีสาเหตุมาจากคน เราจะพบว่ามีผู้บริหารอยู่ 2 ประเภทที่จะใช้วิธีแก้ปัญหาที่ต่างกัน ผู้บริหารยุคเก่าคือ “เจ้านาย” ที่บริหารงานด้วยหลัก 6 บ. นั่นคือ ชอบสั่งการแบบขู่เข็ญโดยใช้อำนาจไม่สอนงาน เห็นอะไรดีไม่เคยชม ชอบตำหนิเห็นอะไรก็ผิดไปหมดถ้าตัวเองทำผิดหรือตัดสินใจพลาด ก็อ้างว่าเป็นเพราะคนอื่น แต่คนอื่นอย่าทำผิดมาจะถูกลงโทษทันที เขาไม่อยากเห็นใครเด่นกว่า ไม่ค่อยฟังความเห็นใคร

องค์กรยุคเก่าที่บริหารงานด้วย”ความกลัว” พนักงานจะรู้สึกไม่ปลอดภัยและไม่เกิดความไว้วางใจ เมื่อเกิดข้อผิดพลาด ก็จะซุกไว้ด้วยกลัวความผิด อาจทำให้ปัญหาเล็กน้อยก็ลุกลามไปจนยากที่จะแก้ไข คนที่ไม่อยากถูกตำหนิ ก็คอยระวังตัวแจ จนไม่กล้าทำอะไร เห็นสิ่งที่ไม่เวิร์คก็จะเฉยชา องค์กรจะเป็นยังไงก็ช่าง ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง องค์กรยุคใหม่ ควรหล่อเลี้ยงด้วย “ความรัก” ผู้บริหารยุคใหม่ ต้องแก้ปัญหาเรื่องคน และเรื่องการสื่อสารในองค์กรได้ ดังนั้นจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น “เจ้านาย หรือ Boss” ที่เอาแต่สั่งการและตำหนิ ไปเป็น “ผู้หล่อเลี้ยง หรือ Mentor” เริ่มด้วยการรู้จัก และยอมรับในตนเองก่อน นำไปสู่ความเข้าใจผู้อื่น มีทักษะการสื่อสารที่ดีและมีความเห็นอกเห็นใจ ส่งผลให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน เกิดความรักและผูกพันซึ่งกันและกัน บรรยากาศการทำงานเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำให้พนักงานรู้สึกอยากทำงานด้วย อยากเห็นองค์กรเจริญเติบโต

การฝึกอบรมพัฒนาผู้นำในองค์กรที่ดีควรจะต้องมีเทคนิคดังนี้


การฝึกอบรมได้ถูกใช้อย่างกว้างขวางเพื่อปรับปรุงภาวะผู้นำในองค์กรเพื่อเพิ่มทักษะทั่วไปและพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพในการจัดการ การจัดฝึกอบรมโดยส่วนใหญ่จะจัดสำหรับผู้บริหารระดับต้นและระดับกลาง มุ่งเน้นที่งาน ทั้งนี้การฝึกอบรมภาวะผู้นำสามารถจัดทำได้หลายแบบ ทั้งระยะสั้นที่เน้นเฉพาะด้านไปจนครอบคลุมทักษะในระดับกว้าง โดยรูปแบบของโปรแกรมการฝึกอบรมก็จะขึ้นอยู่กับการประยุกต์ทฤษฎีภาวะผู้นำในแต่ละทฤษฎี ซึ่งประสิทธิภาพในการฝึกอบรมนั้นขึ้นอยู่กับการออกแบบว่าดีแค่ไหน การออกแบบ การฝึกอบรมควรจะใช้พื้นฐานทฤษฎีการเรียนรู้ ซึ่งการฝึกอบรมจะสำเร็จได้นั้นจำเป็นต้องมีส่วนประกอบด้วยกันดังนี้
-มีวัตถุประสงค์การเรียนรู้ชัดเจน เพราะจะช่วยให้เป้าหมายของการฝึกอบรมกระจ่างชัด เนื่องจากการที่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนนั้นจะช่วยบอกว่าการฝึกอบรมนี้มีคุณค่าอย่างไรต่อผู้เข้ารับการอบรม
-เนื้อหาการฝึกอบรมควรจะชัดเจนและมีความหมายพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจภาพรวมและสามารถจำเนื้อหาได้
-มีการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างเหมาะสม ในการฝึกอบรมควรจัดระบบและเรียงลำดับในทิศทางที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้ ที่ง่ายแก่การเรียนรู้และควรมีการหยุดพักเพื่อหลีกเลี่ยงการเหนื่อยล้า
-การฝึกอบรมควรมีความหลากหลาย อย่างเช่น ควรสลับด้วยการพูดคุยหรือกิจกรรม
-ควรให้ผู้เข้าอบรมได้ปฏิบัติที่ได้จากการเรียนรู้ โดยการลงมือทำนี้ควรมีทั้งในระหว่างการฝึกอบรมและเมื่อกลับไปทำงาน
-การฝึกอบรมสามารถช่วยให้ผู้เข้าร่วมฝึกอบรมมีความเชื่อมั่นในตนเองสูงขึ้น รวมถึงการให้กำลังใจเพื่อก่อให้เกิดความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง
-มีการติดตามผลที่เหมาะสม การเรียนรู้ในบางเรื่องจึงควรมีการติดตามผลภายหลังการฝึกอบรม เพื่อทบทวนความก้าวหน้าในการประยุกต์ใช้ทักษะใหม่ๆ ที่ได้เรียนรู้มา การพูดคุยถึงปัญหาและความสำเร็จให้สนับสนุนเพิ่มเติม

จะเห็นได้ว่าการจัดฝึกอบรมเพื่อพัฒนาผู้นำในองค์กรเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้แบบบูรณาการ ตั้งแต่ความรู้ในเรื่องของทฤษฎีภาวะผู้นำ ความเข้าใจในเรื่องกระบวนการเรียนรู้และเทคนิครวมทั้งอื่นๆ ดังนั้นการฝึกอบรมจะมีมีประโยชน์อย่างแท้จริงต่อองค์กรเพราะบุคลากรจะได้รับภายหลังเสร็จสิ้นการฝึกอบรม เพื่อนนำไปพัฒนาทั้งตนเองและองค์กรให้มีประสิทธ์ภาพได้

ผู้นำที่ดีจะต้องสร้างทีมงานได้จะต้องเป็นคนที่ทำงานให้สำเร็จโดยเน้นทั้งงานเน้นทั้งคนและในการสร้างทีมงานที่ดี

27

เรื่องของผู้นำนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หลายองค์กรพยายามที่จะหาวิธีในการพัฒนาภาวะผู้นำของผู้บริหารทุกระดับให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะให้ผู้นำเหล่านี้ เป็นผู้ผลักดันความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับองค์กร และจากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ในเรื่องของภาวะผู้นำนั้น ก็ยืนยันว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จนั้น เป็นผลมาจากการที่ผู้บริหารของตนมีภาวะผู้นำ และสามารถนำองค์กร นำคน ให้ไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ คุณสมบัติ 5 ประการในการเป็นผู้นำที่ดีผู้นำที่ดีต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ ต้องเป็นคนที่มองเห็นภาพในอนาคตที่คนอื่นมองไม่เห็น มองเห็นโอกาสในอนาคตได้ และเมื่อมองเห็นภาพอนาคตแล้ว ก็ต้องสามารถกำหนดเป้าหมาย และแผนงานในการไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ฝันเฟื่องเพียงอย่างเดียว

ผู้นำที่ดีจะต้องกระจายงานให้ทีมงานอย่างเหมาะสม เป็นการนำแผนงานที่กำหนดไว้นั้น มากระจายสู่พนักงาน และทีมงาน โดยพิจารณาความเหมาะสมของพนักงานแต่ละคนให้เหมาะกับงานแต่ละอย่าง เพื่อให้เขาสามารถที่จะทำงานได้ตามที่ถนัด รวมทั้งให้โอกาสคนอื่นๆ ได้ทำงาน ผู้นำอาจจะต้องยอมรับความเสี่ยงในเรื่องนี้ กล่าวคือ ยอมที่จะไว้วางใจพนักงาน และเชื่อว่าพนักงานจะสามารถทำงานนั้นได้ ผมเห็นผู้นำหลายคนที่ใช้วิธีนี้กับลูกน้องของตนเอง ก็อาจจะมีลูกน้องที่ทำไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วลูกน้องจะทำเต็มที่เพราะนายไว้ใจอย่างมาก ก็ไม่อยากทำให้นายผิดหวัง

ผู้นำที่ดีจะต้องสร้างทีมงานได้ จะต้องเป็นคนที่ทำงานให้สำเร็จ โดยเน้นทั้งงาน เน้นทั้งคน และในการสร้างทีมงานที่ดี ผู้นำก็ต้องมีทักษะในการสื่อความที่ดี มีความเป็นธรรมกับพนักงานทุกคนในทีม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เวลาทำงานก็จะเน้นให้ทุกคนร่วมกันทำงาน ไม่มีการทำตัวเด่นเพียงคนเดียว หรือรับแต่ชอบ ไม่ยอมรับผิด ผู้นำที่ดีจะต้องสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานได้ มีพลังในการสร้างกำลังใจให้กับทีมงาน และกระตุ้นให้พนักงานมีความต้องการที่จะประสบความสำเร็จได้ เหมือนกับที่ Jack Welch อดีต CEO ของ GE ได้ใช้คำว่า Energize ก็คือการทำให้คนอื่นมีพลังในการทำงานอยู่เสมอ

ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นผู้พัฒนาคนอื่นอยู่เสมอ มีความเข้าใจพนักงานที่มีผลงานไม่ดี และพยายามที่จะพัฒนาพนักงานให้มีความรู้ความสามารถ และทักษะในการทำงานมากขึ้น ผู้นำที่ดีจะไม่ด่าพนักงานว่า “ทำไมโง่จัง แค่นี้ยังทำไม่ได้” (ถ้าทำได้ก็คงมาเป็นหัวหน้าของผู้นำคนนี้ไปแล้ว) แต่จะพยายามพัฒนาให้พนักงานทำงานให้ได้ ผู้นำที่ดีจึงเปรียบเสมือนครู ที่สอนพนักงานทั้งด้านความรู้ในการทำงาน และเป็นตัวอย่างสำหรับพฤติกรรมที่เหมาะสมด้วย

ความจำเป็นในการฝึกอบรมที่ปรากฏชัดแจ้งในปัจจุบัน

27

ความจำเป็นในการฝึกอบรม หมายถึง สถานการณ์ที่เป็นปัญหาต่อผลสำเร็จของงานซึ่งอาจแก้ไขได้ด้วยการฝึกอบรม นั่นคือ สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการขาดความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และทัศนคติที่เหมาะสมนั่นเองจากความหมายของความจำเป็นในการฝึกอบรมดังกล่าวแล้วข้างต้น แสดงอย่างชัดเจนว่า สภาพการณ์ที่เป็นปัญหา ซึ่งได้เกิดขึ้นในหน่วยงานนั้น อาจมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน และมีเพียงบางสาเหตุเท่านั้นที่สามารถแก้ไขด้วยการฝึกอบรม ส่วนสาเหตุอื่นๆ อาจจำเป็นต้องแก้ไขด้วยวิธีการอื่น ๆ และการฝึกอบรมอาจเป็นเพียงส่วนประกอบหนึ่งในการแก้ปัญหาเท่านั้นดังนั้น เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบดำเนินการฝึกอบรม ที่จะทำการสำรวจและวิเคราะห์เพื่อแยกแยะค้นหาปัญหา ซึ่งมีสาเหตุที่แท้จริง มาจากการขาดความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ และทัศนคติ ซึ่งก็คือการค้นหาความจำเป็นในการฝึกอบรม นั่นเอง และ การหาความจำเป็นในการฝึกอบรม จึงหมายถึง” การค้นหาสภาวะที่มีปัญหาเกี่ยวกับงานหรือบุคคลในองค์การ ซึ่งสามารถแก้ไข ได้ด้วยการฝึกอบรม เพื่อจะช่วยทำให้หน่วยงานหรือองค์การสามารถดำเนินงานไปสู่จุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ได้ดีเพิ่มขึ้น”ในเมื่อการค้นหาความจำเป็นในการฝึกอบรมก็คือ การค้นหาปัญหา ผู้รับผิดชอบดำเนินการจึงควรจะต้องเข้าใจ ความหมายของคำว่า “ปัญหา” เสียก่อนว่า ปัญหาคือ สิ่งใดก็ตามที่เบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่พึงประสงค์ เนื่องจากโดยปกติแล้ว ในการดำเนินงานใดๆ ก็ตาม เราควรจะต้องมีการกำหนดจุดประสงค์หรือตั้งเป้าหมายไว้ก่อน แล้วจึงหาทางดำเนินการ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์นั้น ๆ แต่การดำเนินงานอาจประสบกับอุปสรรคหรือมีข้อขัดข้องต่าง ๆ ทำให้ผลของการดำเนินงาน ไม่ตรงกับจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ นั่นหมายถึง มีปัญหาเกิดขึ้น ดังแผนภูมิข้างล่างนี้

ความจำเป็นในการฝึกอบรมที่ปรากฏชัดแจ้งในปัจจุบัน หมายถึง สภาพการณ์ที่เป็นปัญหาข้อขัดข้อง และก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานได้อย่างชัดเจน จำเป็นจะต้องฝึกอบรมบุคคลที่เกี่ยวข้องเสียก่อน จึงจะสามารถแก้ปัญหานั้นได้ เช่น พนักงานไม่สามารถใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ความรับผิดชอบได้ ทำให้ผลผลิตของหน่วยงานตกต่ำ จึงจำเป็นต้องฝึกอบรมการใช้เครื่องมืออุปกรณ์นั้นๆ เสียก่อน ความจำเป็นเช่นนี้เรียกสั้นๆได้ว่า เป็นความจำเป็นประเภท “ขัดข้อง”ความจำเป็นในการฝึกอบรมที่จะปรากฏในอนาคต เกิดจากปัญหาที่มีเครื่องชี้หรือส่อว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในอนาคต ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหานั้นเกิดขึ้นในอนาคตรวมทั้งเพื่อเป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลง จึงทำการฝึกอบรมเสีย ในปัจจุบัน เช่น เมื่อบุคลากรได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากระดับผู้ปฏิบัติการเป็นระดับบริหารซึ่งต้องมีการบังคับบัญชาคนและควบคุมงาน บุคลากร เหล่านั้นจึงควรจะต้องรับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการบริหารงานเสียก่อนเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น

ความเจริญด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีต่างเข้ามามีบทบาทในสถาบันฝึกอบรมผู้นำองค์กรในด้านต่างๆ

ผู้นำนับว่ามีบทบาทสำคัญ ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพื่อไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จ ผู้นำจึงต้องอาศัยกลไก ยุทธศาสตร์ เทคนิคหรือกระบวนการบริหารเพื่อพัฒนาพนักงานซึ่งถือว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ต้องเอาใจใส่ดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในระบบการศึกษาที่เน้นคุณภาพเป็นหลัก ในทำนองเดียวกันเราต่างถือว่าผู้นำเป็นหัวใจสำคัญต่อการปฏิรูปโรงเรียน โดยที่ผู้นำจำต้องบูรณาการเทคโนโลยีสู่ระบบโรงเรียน ควรดูแลให้ความช่วยเหลือ และสนับสนุนการวางแผนการใช้เทคโนโลยีอย่างมีความหมาย

โดยเฉพาะปัจจุบันนี้จะเห็นว่าโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความเจริญด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีต่างเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของคนไทยอย่างแยกไม่ออก รวมทั้งในระบบการศึกษาถือว่าเป็นระบบเปิดและเป็นกลไกสำคัญที่พัฒนาเยาวชนของชาติให้เป็นผู้มีความรู้ และความสามารถให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกตลอดจนการแข่งขันด้านเศรษฐกิจในระดับสากล เพื่อไปสู่คุณภาพและนำมาพัฒนาสังคมไทยให้เกิดเสถียรภาพและความมั่นคงในอนาคต

ปัจจุบันนี้ฝ่ายบริหารระดับสูงของโรงงานอุตสาหกรรม ได้มองเห็นถึงความสำคัญของการจัดฝึกอบรมทรัพยากรกำลังคนหรือคนงานในหน่วยงานต่างๆ ให้มีความรู้และความชำนาญ เพื่อให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ การจัดการฝึกอบรมนอกจากจะช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของคนงานให้ดีขึ้นแล้ว ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างทัศนคติและความรับผิดชอบในหน้าที่ของคนงานให้สูงขึ้นด้วย ซึ่งผลที่ได้จากการฝึกอบรมจะมีส่วนช่วยให้ผลผลิตของโรงงานมีคุณค่าเพิ่มสูงขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากสาเหตุของความบกพร่องทางด้านเทคนิคการผลิต หรืออุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น

เลือกวิธีการสอนเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้สัมผัสและมองเห็นสภาพความเป็นจริงมากที่สุด โดยใช้โสตทัศนูปกรณ์อย่างเพียงพอ เลือกวิธีการสอนที่จะทำให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ทดลองทำงานจริงๆ เลือกวิธีการสอนเพื่อให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีการฝึกบ่อยครั้งในเวลากำหนด ให้ฝึกจากวิธีง่ายไปหายากตามลำดับการทำงานแต่ละส่วน และตอนสุดท้ายให้ฝึกทำงานตั้งแต่ต้นจนสำเร็จขั้นสุดท้าย

ในส่วนของการให้คำปรึกษาแนะนำแก่พนักงานในสถานประกอบการก็เช่นเดียวกัน ถือว่าเครื่องมือแก้ปัญหาของคนในองค์กร อันจะนำมาซึ่งผลสำเร็จขององค์กรในที่สุด เพราะขึ้นชื่อว่า “คน” ในทุกหนทุกแห่งไม่แบ่งชนชั้นวรรณะ เพศ สัญชาติ เชื้อชาติ และศาสนา ย่อมหลีกหนีไม่พ้นกับคำว่า “ปัญหา” พูดง่ายๆว่าปัญหากับคนเป็นของคู่กัน ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ที่ไหนมีคน ที่นั่นมีปัญหา

เมื่อคนหนีไม่พ้นคำว่า “ปัญหา” เครื่องมือที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาและกำจัดปัญหาให้กับคนได้ก็คือ การให้คำปรึกษา (Counseling) เป็นทางออกและทางเลือกที่เหมาะสมกับหลายๆ สถานการณ์ในชีวิตคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชีวิตของคนที่ทำงานในองค์กร

เราต้องเข้าใจว่าคนที่มีอยู่รวมกันในองค์กรใดองค์กรหนึ่งนั้น มาจากต่างพ่อ ต่างแม่ ต่างเพศ ต่างวัย ต่างชนชั้น ต่างวรรณะ ต่างวุฒิ ต่างการศึกษา และมีความต่างจิต ต่างใจกันเป็นพื้นฐาน เมื่อเข้าอยู่รวมกันโดยมีผลประโยชน์ร่วมกันแล้ว การกระทบกระทั่งกันทั้งเรื่องของงานและเรื่องของส่วนตัวก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา มากบ้างน้อยบ้าง สลับกันไปตามอารมณ์ของคนในแต่ละช่วงเวลา

ในทุกสังคม เรามักจะเห็นว่าเมื่อคนบางคนมีปัญหา คนบางคนจะเป็นผู้ให้คำปรึกษา ซึ่งมีทั้งผู้ให้คำปรึกษาเพราะความจำเป็น หรือเป็นผู้ให้คำปรึกษาแบบสมัครใจ มีทั้งผู้ที่มีความสามารถในการให้คำปรึกษาและผู้ที่ขาดความเข้าใจในหลักของการให้คำปรึกษา ซึ่งอาจจะแก้ปัญหาได้บ้างไม่ได้บ้าง

เมื่อหันมามองในองค์กรของเรา จะพบว่าเมื่อเพื่อนร่วมงานมีปัญหาเขามักจะหาใครบางคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมเป็นผู้ให้คำปรึกษา ถ้าผู้ให้คำปรึกษาสามารถช่วยให้เขาลดระดับของปัญหาลงหรือแก้ปัญหาได้ ครั้งต่อๆไปเมื่อมีปัญหาเขาก็จะเดินเข้ามาหาอีก และคนที่เป็นผู้ให้คำปรึกษานี้จะได้รับความไว้วางใจจากเพื่อนร่วมงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นผู้นำกลุ่มทางจิตใจไปได้เหมือนกัน ถ้าผู้ที่เป็นผู้นำทางจิตใจของคนในองค์กรเป็นคนดีก็ดีไป แต่ถ้าผู้นำทางจิตใจอาศัยความได้เปรียบนี้ไปใช้ในทางที่ไม่สร้างสรรค์อาจจะเกิดปัญหาอันชวนให้ปวดหัวแก่การบริหารงานภายในองค์กรได้เหมือนกัน

จัดฝึกอบรมอย่างไร จึงจะนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

การฝึกอบรมที่พนักงานไม่เคยนำไปใช้ประโยชน์ถือเป็นสิ่งที่สูญเปล่า เสียทั้งเวลา เสียทั้งงบประมาณไม่มีผู้บริหารคนไหนต้องการ การลงทุนที่สูญเปล่า จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายทรัพยากรบุคคล ที่ต้องตอบโจทย์ให้ได้ จะทำให้อย่างให้พนักงานที่ได้รับการฝึกอบรมไปแล้ว สามารถนำความรู้มาใช้ประโยชน์ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำแนะนำต่อไปนี้ จะทำให้คุณสามารถจัดการฝึกอบรมและพัฒนาพนักงานให้สามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการฝึกอบรมมาใช้กับองค์กรอย่างได้ผล
1. วิเคราะห์ความต้องการที่แท้จริงที่พนักงานจำเป็นต้องได้รับการฝึกอบรม เช่น ทักษะที่ขาด หรือปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข เพื่อให้มั่นใจว่าการอบรมที่คุณจัดขึ้นจะเป็นโอกาสในการพัฒนาการทำงานของพนักงานให้ดีขึ้นได้จริง เพราะหากคุณจัดการอบรมที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการ จะเป็นการเปล่าประโยชน์และเสียเวลาโดยที่พนักงานไม่ได้รับประโยชน์เท่าที่ควร
2. ให้ข้อมูลพนักงานได้ทราบว่า การฝึกฝนทักษะใหม่ ๆ หรือการเพิ่มขีดความสามารถให้กับทักษะที่มีอยู่แล้วนั้นมีความสำคัญอย่างไร และเชื่อมโยงให้พนักงานเห็นความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างการฝึกอบรมกับความสามารถของเขาที่จะทุ่มเทเพื่อความสำเร็จตามแผนการและเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัท
3. ออกแบบการฝึกอบรมให้มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน และสามารถวัดผลสำเร็จได้ รวมถึงการให้ข้อมูลแก่พนักงานถึงวัตถุประสงค์ในการฝึกอบรมและวิธีการวัดผล เพื่อให้พนักงานทราบว่าลักษณะการฝึกอบรมเป็นอย่างไร บริษัทคาดหวังอะไรจากการฝึกอบรมดังกล่าว และมีแนวทางที่จะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้กับการทำงานให้ประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ของบริษัทต่อไป
4. การฝึกอบรมเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง แจ้งให้พนักงานทราบว่า การฝึกอบรมเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง ซึ่งพนักงานควรให้ความร่วมมือและตั้งใจฝึกอบรมอย่างจริงจัง ทั้งการเตรียมตัวก่อนการฝึกอบรม การเข้ารับการอบรมด้วยความกระตือรือร้น รวมทั้งการนำความรู้ไปต่อยอดไอเดียใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของพนักงาน
5. ควรให้พนักงานประเมินตนเอง หรือทำแบบฝึกหัดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการฝึกอบรม เพื่อให้พนักงานได้คิดถึงหัวข้อการฝึกอบรมก่อนวันฝึกอบรมจริง และเมื่อพนักงานมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าแล้ว ช่วงเวลาฝึกอบรมจะเป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่คุณสามารถจัดให้มีการฝึกปฏิบัติอย่างเข้มข้น หรือให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
6. ควรจัดให้หัวหน้างาน หรือผู้จัดการเข้าร่วมการฝึกอบรมด้วยเพื่อให้พวกเขาเข้าใจถึงบทบาทของผู้ที่อยู่ในระดับบริหารต่อการฝึกอบรม ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเป็นต้นแบบที่ดีในการเรียนรู้และการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ให้กับพนักงาน รวมถึงส่งเสริมให้พนักงานสามารถประยุกต์ใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้มาให้เกิดประโยชน์ต่องานที่ทำด้วย
7. หัวหน้างานและพนักงานควรมีการพูดคุยทำความเข้าใจกันก่อนเริ่มการอบรม หัวหน้างานควรพูดคุยกับลูกนัองเป็นรายบุคคลถึงสิ่งที่คาดหวังว่าพนักงานจะได้รับจากการฝึกอบรม และหัวใจสำคัญของการฝึกอบรมคือการนำมาประยุกต์ใช้กับงานของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม การอธิบายจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนจะช่วยให้พนักงานเข้าใจบทบาทของตน และแสดงพฤติกรรมตามที่คาดหวังอย่างเหมาะสม
8. การให้รางวัลแก่พนักงานที่สามารถนำความรู้จากการฝึกอบรมมาใช้กับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพก็เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นและจูงใจให้พนักงานเห็นความสำคัญกับการฝึกอบรม และการนำความรู้ไปใช้ ซึ่งบริษัทอาจให้การชื่นชมพนักงานโดยการประกาศรายชื่อพนักงานใน E-Newsletter ของบริษัท หรือติดที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ของบริษัท เป็นต้น

หากผู้จัดการฝึกอบรมมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการอบรม มีการนำความร่วมมือของทุกฝ่ายให้มาประสานกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท เชื่อว่าการฝึกอบรมจะไม่เป็นการลงทุนที่สูญเปล่าอย่างแน่นอน สิ่งที่จะได้กลับคืนมาก็คือไอเดียใหม่ ๆ ที่พนักงานตั้งใจนำมาประยุกต์ใช้อย่างดีที่สุด

การฝึกอบรมพนักงานจะทำให้องค์การมีพนักงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การพัฒนาบุคลากรด้วยการจัดโครงการฝึกอบรมนั้นจะส่งผล และเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับองค์การหรือหน่วยงานได้เพียงใด ย่อมขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถและทัศนคติที่มีต่องานของบุคลากรผู้รับผิดชอบจัดการฝึกอบรมเป็นสำคัญ หากจะให้สามารถ ปฏิบัติงานด้านการบริหารงานฝึกอบรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือไปจากจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับกระบวนการ ฝึกอบรม และหลักการบริหารงานฝึกอบรมแต่ละขั้นตอนแล้ว ผู้รับผิดชอบงานฝึกอบรมควรจะต้องมีความรู้พื้นฐานทางสังคมศาสตร์ และ พฤติกรรมศาสตร์แขนงต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่นสังคมวิทยา จิตวิทยา และศาสตร์การจัดการ ซึ่งจะช่วยเอื้ออำนวยให้สามารถ กำหนดหลักสูตร และโครงการฝึกอบรมได้ง่ายขึ้น มีความรู้เกี่ยวกับหลักการบริหารบุคคลและการพัฒนาบุคคลด้วยวิธีการอื่นๆ นอกเหนือไปจากการฝึกอบรม มีความเข้าใจถึงหลักการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ เพื่อให้สามารถปฏิบัติต่อผู้เข้าอบรมได้อย่างเหมาะสม ตลอดจน เข้าใจถึงหลักการวิจัยทางสังคมศาสตร์อยู่บ้างพอที่จะสามารถทำการสำรวจ เพื่อรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่จำเป็น ในการบริหารงาน ฝึกอบรมได้ นอกจากนั้น ผู้ดำเนินการฝึกอบรมยังจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถในการสื่อสาร ทั้งด้านการเขียนและการพูดในที่ชุมนุมชน ตลอดจนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกับกลุ่มผู้เข้าอบรม และประสานงานกับผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วย

นอกจากการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง ทัศนคติของผู้รับผิดชอบงานฝึกอบรม ยังเป็นสิ่งสำคัญที่มีผล กระทบต่อการดำเนินงานฝึกอบรมอีกด้วย กล่าวคือ ผู้รับผิดชอบงานฝึกอบรมเองจะต้องเป็นผู้ที่เห็น ความสำคัญของการฝึกอบรม ต่อการพัฒนาบุคลากร มีความเห็นสอดคล้องกับหลักการและแนวคิดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรม รวมทั้งควรจะต้องมีความเชื่อว่า การฝึกอบรมนั้นเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยในการพัฒนาบุคลากร และนำไปสู่การปรับปรุงการบริหารได้ ทัศนคติเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเขามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ หลักการบริหารงานฝึกอบรม ตลอดจนเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานที่เจ้าหน้าที่ฝึกอบรม ควรรู้ดังกล่าวไว้ข้างต้นนั่นเอง ดังนั้น เพื่อปูพื้นฐานให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านการฝึกอบรม จึงจะขอเริ่มต้นคู่มือการจัดโครงการฝึกอบรม เพื่อพัฒนาบุคลากรด้วยการกล่าวถึงแนวคิดและหลักการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฝึกอบรมและการพัฒนาบุคลากรเสียก่อน การพัฒนาบุคคล และการฝึกอบรมล้วนแต่มีลักษณะที่สำคัญๆ คล้ายคลึงกัน และเกี่ยวข้องกันจนดูเหมือน จะแยกออกจากกันได้ยาก แต่ความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างทั้งสามเรื่องดังกล่าว จะช่วยทำให้สามารถเข้าใจถึงลักษณะของกระบวนการฝึกอบรม ตลอดจนบทบาทและหน้าที่ของผู้รับผิดชอบจัดการฝึกอบรมเพิ่มมากขึ้น

ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มมากขึ้นจากการฝึกอบรม

การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรตามแนวตั้งขององค์การ

เป็นการฝึกอบรมเพื่อให้ความรู้หรือสร้างความสามารถ เฉพาะสำหรับบุคลากร ในแต่ละตำแหน่งหรือสายงาน โดยใช้หลักสูตรซึ่งกำหนดขึ้นโดยเฉพาะตามความจำเป็นในการฝึกอบรมของตำแหน่งนั้นๆ และมักจะเน้นถึงแนวการปฏิบัติงานในรายละเอียด ซึ่งผู้เข้าอบรมจะนำไปใช้ในการทำงานได้มากกว่าการฝึกอบรมแนวนอน เช่น การฝึกอบรมสำหรับเจ้าหน้าที่บุคคล การฝึกอบรมเลขานุการผู้บริหาร เป็นต้น นอกจากนี้การฝึกอบรมบุคลากรเฉพาะในแต่ละหน่วยงาน เช่น การฝึกอบรมบุคลากรกองการเจ้าหน้าที่ ก็อาจจัดเป็นการฝึกอบรมประเภทนี้ได้ เพราะผู้จัดฝึกอบรมสามารถกำหนดหลักสูตรที่เป็นความจำเป็นในการฝึกอบรม เฉพาะสำหรับบุคลากรในหน่วยงานนั้นได้เช่นเดียวกัน

การฝึกอบรมจากวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจริงจากการทำงานในเรื่องนั้นๆ ที่ตระหนักดีว่าเพื่อให้บุคคลประสบความสำเร็จตามเป้าหมายธุรกิจ องค์กรควรจะต้องฝึกอบรมให้ความรู้เพิ่มทักษะให้แก่พนักงาน สร้างแรงจูงใจ ให้การศึกษาเรื่องแนวโน้มธุรกิจ-เครื่องมือในการบริหารงานใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นต้น มีผลการวิจัยทางวิชาการที่ยืนยันชัดเจนว่าประสิทธิภาพในงานเพิ่มมากขึ้นจากการฝึกอบรม โดยพนักงานที่ทำงานในตำแหน่งหน้าที่เดียวกันนั้น จากการศึกษาพบว่าพนักงานที่ได้รับการอบรมอย่างเป็นทางการจะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรม

การนำเอาความจำเป็นในการฝึกอบรมซึ่งมีอยู่ชัดเจนแล้วว่า มีปัญหาใดบ้าง ที่จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการฝึกอบรม กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร และพฤติกรรมการเรียนรู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงเป็นด้านใดนั้นมาวิเคราะห์เพื่อกำหนดเป็นหลักสูตร โดยอาจประกอบด้วยวัตถุประสงค์ของหลักสูตรฝึกอบรม หมวดวิชา หัวข้อวิชา วัตถุประสงค์ ของแต่ละ หัวข้อวิชา เนื้อหาสาระหรือแนวการอบรม เทคนิคหรือวิธีการอบรม ระยะเวลา การเรียงลำดับหัวข้อวิชาที่ควรจะเป็น ตลอดจนการกำหนดลักษณะของวิทยากรผู้ดำเนินการฝึกอบรม เพื่อจะทำให้ผู้เข้าอบรมได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีขั้นตอน และเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจนทำให้สิ่งที่เป็นปัญหาได้รับการแก้ไขลุล่วงไปได้

ประโยชน์ในการจัดอบรมภายในองค์กร

1.สามารถเลือกหลักสูตรอบรมและวิทยากรผู้เชี่ยวชาญให้เหมาะกับความต้องการขององค์กร
2.เป็นการเพิ่มพูนความรู้เชิงลึกให้กับคนในองค์กร เพราะสามารถเจาะจงประเด็นปัญหาได้ตรงจุด
3.เป็นการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า ให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด
4.ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 200 % เมื่อยื่นขออนุมัติจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน
5.ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางและมีความสะดวก เพราะพนักงานไม่ต้องออกไปอบรมนอกสถานที่
6. สามารถฝึกอบรมและพัฒนาคนได้เป็นจำนวนมากในคราวเดียวกัน

การตัดสินปัญหาที่ยากลำบากได้ คือ หน้าที่ของผู้นำ

การดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่แกนกลางขององค์กรโดยการบริหารงานผ่านทีมงานผู้บริหารระดับกลาง และผลักดันผลงานผ่านทีมงานของฝ่ายต่างๆ ดังนั้นความสำเร็จขององค์กรจึงผูกกับผู้บริหารระดับกลางค่อนข้างสูงมาก องค์กรจึงควรให้ความสำคัญในการพัฒนาผู้บริหารระดับกลางให้เกิดภาวะความเป็นผู้นำ และสามารถคิดในเชิงกลยุทธ์ การพัฒนาภาวะผู้นำให้เกิดขึ้นในองค์กรเพื่อให้ส่งผลต่อการดำเนินงานของธุรกิจนั้น ระบบการเรียนรู้ต้องทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับเป้าหมายและแผนงานจนสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้เกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

การแข่งขันทางธุรกิจหรือองค์กรธุรกิจในปัจจุบัน

ไม่ได้อยู่แต่เพียงภายในประเทศเท่านั้น เนื่องจากมีการซื้อขายสินค้าและการบริการระหว่างประเทศต่างๆ และการเปลี่ยนแปลงสู่การเป็นโลกาภิวัตน์ล้วนมีผลกระทบ เพราะการแข่งขันแบบโลกาภิวัตน์ มุ่งเน้นต่อการสร้างมาตรฐานการบริการที่มีคุณภาพสูงขึ้นแก่ลูกค้า ผู้นำในยุคปัจจุบันต้องมีความแตกต่างจากการบริหารธุรกิจในอดีตเป็นอย่างมาก เพราะความต้องการของลูกค้าและพนักงานมีความแตกต่างและเปลี่ยนแปลงไป และผู้นำที่มีประสิทธิภาพในยุคโลกาภิวัตน์ จะต้องประกอบด้วย การคิดแบบโลกาภิวัตน์ เล็งเห็นเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรม พัฒนาความชำนาญทางด้านเทคโนโลยี สร้างคู่ค้าธุรกิจและพันธมิตร และสร้างการมีส่วนร่วมในการเป็นผู้นำ

การสื่อสารถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารงาน

ผู้นำที่สื่อสารอย่างมีประสิทธิผลต้องสามารถสะท้อนค่านิยมและวัฒนธรรมขององค์กรในระหว่างการสื่อสารได้ ผู้นำควรมีความสามารถในการตัดสินปัญหาที่ยากลำบากได้ หรือความสามารถในการออกคำสั่งควบคุม หรือสร้างแรงบันดาลใจและความจงรักภักดีให้เกิดขึ้นแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ในส่วนของผู้นำต้องต้องการสร้างกิจการหรือธุรกิจในระยะยาวหรือทำให้เกิดความยั่งยืน ภาวะผู้นำกับการจัดการนั้นแตกต่างกัน ความแตกต่างระหว่างการจัดการและภาวะผู้นำที่สำคัญประการหนึ่งคือ เรื่องที่มาของอำนาจ และระดับการยอดทำตามของผู้ตาม อำนาจคือ ความสามารถที่จะชักจูงพฤติกรรมของบุคคลอื่น

บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งขึ้นมาหรือได้รับการยกย่องขึ้นให้เป็นหัวหน้าผู้ตัดสินใจ เพราะมีความสามารถการปกครองบังคับบัญชา และจะพาผู้ตามหรือผู้ใต้บังคับบัญชาไปในทางดีหรือชั่วได้โดยใช้ระบบกระบวนการติดต่อซึ่งกันและกันในอันที่จะให้บรรลุเป้าหมาย และความสามารถที่จะชักจูงผู้อื่นให้ความร่วมมือร่วมใจกับตน ดำเนินการไปสู่จุดมุ่งหมายของตนได้ ดังนั้นการเป็นผู้นำจึงเป็นศิลปะของการที่จะมีอิทธิพลเหนือคน และนำคนแต่ละคนไปโดยที่คนเหล่านั้นมีความเชื่ออย่างเต็มใจ มีความมั่นใจในตัวผู้นำ มีความเคารพนับถือและให้ความร่วมมือกับผู้นำด้วยความจริงใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วงไปด้วยดี

การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการฝึกอบรมผู้นำองค์กรในด้านต่างๆ

ในการดำเนินธุรกิจไม่มีคำว่าเส้นชัย ความสำเร็จคือชัยชนะจากความอดทน และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่ช่วยส่งเสริม การทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจ

อาศัยภาวะด้านเศรษฐกิจในปัจจุบันในการที่จะเพิ่มความได้เปรียบ ในการแข่งขันทางธุรกิจโดยใช้เทคโนโลยีทาง อินเทอร์เน็ตมาเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุน โดยดำเนินการให้พนักงานสามารถติดต่อกับหน่วยงานภายในและ แผนกต่างๆ ได้ตลอดเวลาเพื่อค้นหาข้อมูล และใช้เครื่องมือต่างๆ ขององค์กรผ่านทางเทคโนโลยีแลนไร้สายและ เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (Virtual Private Network – VPN) รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานด้วย เทคโนโลยีโทรศัพท์ ผ่านไอพี (IP Telephony) และการอัพเดทข่าวสารข้อมูลและฝึกอบรมพนักงานด้วยอีเลิร์นนิ่ง (E-Learning) และเมื่อพนักงานได้รับความสะดวกจากสิ่งต่างๆนี้พวกเขาก็สามารถที่จะดำเนินธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดูแลลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้นและธุรกิจของท่านก็สามารถดำเนินต่อไปอย่างมั่นคงในภาวะที่ ยากลำบากในปัจจุบันนี้ได้

ในการดำเนินธุรกิจไม่มีคำว่าเส้นชัย ความสำเร็จคือชัยชนะจากความอดทน และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตที่ช่วยส่งเสริม การทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจ ในอันที่จะได้รับชัยชนะใน ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน พนักงานต้องการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พวกเขา ต้องการวิธีในการเรียนรู้และการฝึกฝนที่นอกเหนือไปจากวิธีการเดิมๆ เนื่องจากพนักงานต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน ไม่ว่าระหว่างเดินทาง อยู่ที่บ้านหรืออยู่ในสำนักงาน

ในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา การใช้งบประมาณด้านเทคโนโลยีจะมีให้เห็น เพียงเทคโนโลยีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และการดำเนินธุรกิจได้ ดังนั้นความท้าทายที่เกิดขึ้นคือ การหาวิธีในการประมาณผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างไร นอกเหนือไปจากการคำนวณการประหยัดในค่าใช้จ่ายต่างๆ หลายๆ ครั้ง เราท่านอาจจะมองข้ามประโยชน์ที่ได้มาในรูปแบบอื่นๆ เช่นการบริการลูกค้าที่ดีขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานที่มีมากขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้า และอื่นๆ อีกมากมายในหลากหลายกรณีที่สิ่งเหล่านี้ เป็นประโยชน์อย่างมากต่อองค์กร ดังนั้นฝ่ายเทคนิคและฝ่ายธุรกิจ ควรที่จะทำงานร่วมกันในการหาวิธีการวัดผลและ ปัจจัยที่จะใช้ในการตัดสินใจ ตัวอย่างเช่นการติดตั้งระบบแลนไร้สาย นอกเหนือไปจากการประหยัดค่าเดินสายเคเบิล แล้วเราเคยนึกไปถึงเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ความพึงพอใจของพนักงาน ซึ่งมีส่วนในการเพิ่มขวัญ และกำลังใจของพวกเขาบ้างหรือไม่ ในอีกกรณีหนึ่งคือ การเพิ่มระบบการให้บริการลูกค้าเข้าไปในเว็บไซท์นั้น สามารถช่วยลดจำนวนบุคคลากร ที่ทำหน้าที่ในส่วนงานด้านศูนย์บริการลูกค้าได้ และนำมาซึ่งการก้าวไปสู่การที่ลูกค้าสามารถรับบริการต่างๆ ได้ด้วยตนเองผ่านทางอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

นโยบายเปิดกว้างด้านการเป็นผู้นำให้กับคนรุ่นใหม่

ผู้นำ เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งต่อความสำเร็จขององค์กร

เพราะผู้นำมีภาระหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงที่จะต้องวางแผนสั่งการดูแล และควบคุมให้บุคลากรขององค์การปฏิบัติงานต่างๆให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย และวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ปัญหาที่เป็นที่สนใจของนักวิชาการและบุคคลทั่วไปอยู่ตรงที่ว่า ผู้นำทำอย่างไรหรือมีวิธีการนำอย่างไรจึงทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ตามเกิดความผูกพันกับงานแล้วทุ่มเทความสามารถ และพยายามที่จะทำให้งานสำเร็จด้วยความเต็มใจ ในขณะที่ผู้นำบางคนนำอย่างไร นอกจากผู้ใต้บังคับบัญชาจะไม่เต็มใจในการปฏิบัติงานให้สำเร็จอย่างมประสิทธิภาพแล้ว ยังเกลียดชังและพร้อมที่จะร่วมกันขับไล่ผู้นำให้ไปจากองค์กร

สถานการณ์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพของภาวะผู้นำนั้นจะมุ่งเน้นศึกษาสถานการณ์ที่สำคัญๆ เช่น อำนาจหน้าที่ และความ มั่นคงของผู้นำ ลักษณะงานของผู้นำ ความสามารถและแรงจูงใจของผู้ตาม สภาพแวดล้อมภายนอก ความคาดหวังและข้อเรียกร้องต่างๆเกี่ยวกับงานของลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน และบุคคลภายนอก การศึกษาประสิทธิภาพของภาวะผู้นำจากอำนาจ-อิทธิพลของผู้นำส่วนใหญ่จะเน้นหรือพิจารณาที่ขนาด ชนิดและการใช้อำนาจของผู้นำ ดังที่ยอมรับกันแล้วว่าอำนาจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำ เพราะนอกจากจะทำให้มีอิทธิพลต่อลูกน้องแล้ว ยังสามารถมีอิทธิพลต่อเพื่อนผู้นำในระดับเดียวกันต่อผู้บังคับบัญชาในระดับสูง รวมทั้งบุคคลภายนอกหน่วยงานและองค์กรได้

ผู้นำองค์การเป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์กร

เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงองค์การจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยหากผู้นำไม่เป็นผู้ริเริ่มโดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงไปเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะต้องทำให้บุคลากรในองค์การยอมรับและมีความรู้สึกร่วมกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นภารกิจที่ท้าทายสำคัญของผู้นำองค์การในปัจจุบัน ดังนั้นผู้นำองค์การในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในระดับองค์การจึงต้องแสดงบทบาทที่ชัดเจนในการส่งเสริมและสนับสนุนการขับ
เคลื่อนพัฒนาองค์การไปสู่องค์การแห่งการเรียนรู้ โดยมีแนวทางปฏิบัติที่สำคัญที่สอดคล้องตามกรอบแนวคิดองค์การแห่งการเรียนรู้

การพัฒนาผู้นำนั้นจำเป็นต้องมีนโยบายเปิดกว้างให้กับคนรุ่นใหม่ ความสามารถในการทำงานหรือแก้ปัญหาขององค์กรด้วย การที่จะให้ผู้นำรุ่นใหม่เหล่านั้นได้มีโอกาสทำงานในฐานะผู้นำจริงนั้น องค์กรก็ต้องมีนโยบายที่เปิดกว้างให้กับบุคลากรเหล่านั้นด้วยการกระจายอำนาจและหน้าที่ให้ผู้ที่คาดหวังว่าจะเป็นผู้นำในอนาคตได้เข้ามาทำงานจริงจัง สามารถตัดสินใจได้จริงและอำนาจในการสั่งการจริงไม่เช่นนั้นแล้วผู้ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นผู้นำก็ไม่สามารถได้ใช้ความรู้ความสามารถกับสภาวะเหตุการณ์จริง การพัฒนาผู้นำก็ไม่อาจประสบความสำเร็จได้อย่างแท้จริง

ทักษะที่จำเป็นต้องใช้สำหรับผู้นำองค์กร

1.ทักษะทางด้านเทคนิค ซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับงานด้านปฏิบัติการ
2.ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ เป็นทักษะที่ใช้สำหรับการติดต่อสื่อสาร ทักษะการสร้างสัมพันธ์
3.ทักษะทางด้านความคิด เป็นทักษะด้านเชาว์ไหวพริบ การมีวิสัยทัศน์ และความสามารถในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระบบทั้งหมด

การฝึกอบรมผู้นำโดยการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นการฝึกอบรมทางไกล

บทบาทภาวะความเป็นผู้นำ ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาองค์กรให้มีความมั่นคง แข็งแรง เจริญรุ่งเรือง คำว่า “ผู้นำ” มีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าที่ใครอีกหลายคนจะเข้าใจ ผู้นำต้องสามารถ บริหารชี้นำผู้ใต้บังคับบัญชาได้ บางคนก้าวขึ้นสู่ผู้บริหาร เป็นผู้นำในองค์กรตามตำแหน่งที่ได้รับ แต่ไม่ทราบว่าเป็นผู้นำแล้วต้องนำอย่างไร? มีคุณสมบัติอย่างไร? ทำอย่างไร? ปฏิบัติอย่างไร? การไม่มีความรู้ในบทบาทภาวะความเป็นผู้นำมีผลทำให้องค์กรไม่เจริญเติบโตตามเป้าหมายที่ผู้บริหารระดับสูงวางไว้

การอบรม หลักสูตรบทบาทภาวะความเป็นผู้นำในองค์กรจะช่วยทำให้ผู้นำในตำแหน่งต่างๆ รู้บทบาทและหน้าที่ บริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถนำพาองค์กรให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จตามที่ต้องการได้

การใช้เว็บในการฝึกอบรมผู้นำก็ต้องคำนึงถึงคุณลักษณะของเว็บเป็นสำคัญ เมื่อการอบรมนั้นไม่จำเป็นต้องเดินทางไปอบรมในห้องฝึกอบรม แต่เป็นการฝึกอบรมโดยการสื่อสารทางไกล จะทำอย่างไรให้การฝึกอบรมโดยเว็บมีคุณภาพและประสิทธิภาพเท่าเทียม หรือดีกว่าการฝึกอบรมในห้องฝึกอบรมอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต กำหนดกรอบคิดหลักของเว็บเพื่อการฝึกอบรม (WBT) จะต้องคำนึงถึงแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ

1. เว็บฝึกอบรมในด้านการให้การศึกษา
1.1 เวิลด์ไวด์เว็บ เว็บฝึกอบรมเป็นส่วนหนึ่งของระบบอินเทอร์เน็ตจึงต้องอยู่ในกรอบของเวิลด์ไวด์เว็บ
1.2 การศึกษาทางไกล การฝึกอบรมบนเว็บเป็นการใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในการจัดการศึกษาทางไกล ระบบอินเทอร์เน็ตเป็นส่วนหนึ่งในกรอบของการศึกษาทางไกล
1.3 การพัฒนาระบบการสอนการฝึกอบรมบนเว็บอยู่ในกรอบของ WWW เมื่อเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทางไกล การฝึกอบรมก็ต้องมีการออกแบบและพัฒนาระบบเพื่อให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ จึงต้องอยู่ในกรอบของการพัฒนาระบบการสอน

2. เว็บฝึกอบรมผู้นำในด้านการพัฒนาคน นั่นหมายความว่า เว็บการฝึกอบรมก็จะอยู่ในกรอบ 3 ประการเช่นกัน
2.1 เทคโนโลยีสารสนเทศ การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาคนโดยเว็บเป็นพัฒนาในยุคสังคมสารสนเทศ ซึ่งภายในเว็บซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เป็นฐานข้อมูลใหญ่ที่สุดในโลก เว็บฝึกอบรมจึงเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสังคมสารสนเทศ โดยมี WWW เป็นเครื่องมือจึงอยู่ในขอบเขตเดียวกัน
2.2 การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการฝึกอบรมที่มุ่งให้ผู้อบรมได้เรียนรู้ตามความสนใจ ในสภาพของเครือข่ายการเรียนรู้ในทุกที่ทุกเวลา ซึ่งอยู่ใช้การศึกษาในแบบทางไกล จึงอยู่ในขอบเขตเดียวกัน
2.3 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากการฝึกอบรมเป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่เน้น 3 ด้านคือ การฝึกอบรม การศึกษาและการพัฒนา

การฝึกอบรมผู้นำโดยการใช้อินเทอร์เน็ตซึ่งจัดเป็นการฝึกอบรมทางไกลโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์เครือข่ายนับว่าเป็นสิ่งใหม่ ปัญหาที่มักพบในการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์คือ ผู้เรียนและผู้สอนมีปัญหาในการใช้คอมพิวเตอร์ การฝึกอบรมผู้นำโดยใช้เว็บอบรมแม้จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในต่างประเทศ แต่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ยังมีให้เห็นน้อยในบ้านเมืองเราหรืออาจยังมาไม่ถึงหรืออาจไม่เกิดขึ้นในอนาคต ถ้าหน่วยงานหรือองค์กรไม่ได้ติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตในหน่วยงาน หรือถึงแม้จะมีการติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ตในหน่วยงานแล้วก็ตามทีแต่ยังขาดนักการศึกษาหรือผู้บริหารขาดความเข้าใจ ไม่มีวิสัยทัศน์ในการมองการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา เว็บฝึกอบรมก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ คงไม่มีใครตำหนิถ้าไม่ติด

การใช้เว็บฝึกอบรมเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ

i78

 

ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นสัญญาณเตือนให้บริษัททุกบริษัทเสาะหาวิธีการดำเนินการทางธุรกิจของพวกเขาเพื่อหาโอกาสเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย และนั่นรวมไปถึงพวกเขาจะมีวิธีการฝึกอบรมลูกจ้างและให้ความรู้กับลูกค้าอย่างไร และเป็นโชคดีของพวกเขา บริษัททุกบริษัทกำลังค้นพบถึงประโยชน์ของเว็บฝึกอบรม

ลำดับความซับซ้อนของเทคโนโลยีในทุกวันนี้ได้เพิ่มความสามารถของบริษัทให้เชื่อมต่อกับลูกจ้างและลูกค้าของพวกเขาได้มากขึ้นท่ามกลางความสามารถอันล้ำลึกในการจัดการการถ่ายทอดการฝึกอบรมและประชุมผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถถ่ายทอดผู้ชมได้อย่างกว้างขวาง ธุรกิจต่างๆกำลังประสบกับการที่ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก โดยหลีกเลี่ยงการเดินทางที่มีราคาแพงและที่พักสำหรับผู้เข้าอบรมระหว่างที่มีการจัดอบรมขึ้น

การใช้เว็บฝึกอบรม  มีการเตรียมเครื่องมือสำหรับเชื่อมต่อและโต้ตอบกันได้ในระหว่างฝึกอบรม, การประชุม,ในการสัมมนาออนไลน์ไปจนถึงความสารถในการเรียนการสอนออนไลน์ และความร่วมมือในการประชุมทางไกลทั่วโลก สิ่งเหล้านี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในด้านของความสะดวกสบาย, ความปลอดภัย และความคุ้มค่าของผู้ที่เกี่ยวข้อง อุปกรณ์อื่นๆสำหรับธุรกิจเหล่านี้ยังเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมอีกด้วย

โอกาสที่เห็นได้ชัดในการลดค่าใช้จ่ายภายในของแต่ละบริษัทคือ ระบบการฝึกอบรมและการกระจายความรู้ในการบริหารแบบดั้งเดิมไปให้ทั่วองค์การและบริษัท ความเชื่อว่าผลของการใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนและอบรมที่สำหรับผู้เข้าอบรมที่ต้องใช้เวลามากๆจำเป็นต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่แพงมาก ต้องการที่พัก และการขาดงานเพื่อเข้าอบรมฝึกฝนเพิ่มความชำนาญ การไม่ให้ความร่วมมือและข้อตกลงต่างๆ สิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนในองค์กรของคุณหรือไม่

ในหลายๆกรณีที่การอบรมนอกสถานที่สามารถทำได้โดยการติดตั้งอุปกรณ์การประชุมทางไกลทั้งหมด ทั้งๆที่ในขณะนี้ได้เห็นถึงประโยชน์ของสิ่งเหล่านี้แล้วแต่หลายๆบริษัทยังคงยึดติดอยู่กับเรื่องเก่าๆ นั่นหมายความว่าเกิดการต่อต้านจากผู้เหล่าบริหารที่ยึดติดกับค่านิยมเก่าๆ(หัวรั้น) ผู้ที่ปฏิเสธที่จะทดลองเทคโนโลยีใหม่และยังเหลือข้อกังขาเกี่ยวกับวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสานในทุกวันนี้ มีการเปรียบเปรยว่า การต่อต้านนี้มักมาจากผู้บริหารทั้งหลายที่อยากลดความเชื่อมั่นในการจัดระบบทรัพยากรของพวกเขาเอง เช่น การจัดการสถานที่จัดอบรม